พอกหน้าโฮมเมด

พอกหน้าโฮมเมด
จะดูแลผิวหน้าด้วยการพอกหน้าทั้งทีเป็นอันต้องเสียเงินกับการเข้าร้านเสริมความงามไปทำไม ในเมื่อคุณเองก็สามารถทำการพอกหน้าได้ด้วยตัวเอง และไม่จำเป็นที่จะต้องไปซื้อผลิตภัณฑ์พอกหน้าราคาแพงมาใช้สำหรับการพอกหน้าอีกด้วย มาดูกันหน่อยดีกว่าว่าการพอกหน้าด้วยตนเองสามารถทำได้อย่างไรกัน
ก่อนหน้านี้คุณคงคิดอยู่เสมอว่าจะพอกหน้าทั้งทีจะต้องทำอย่างไร และจะต้องเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับพอกหน้าอย่างไร หลายต่อหลายคนพยายามลดขั้นตอนความยุ่งยากในการพอกหน้าลงด้วยการพึ่งพาร้านหรือสถานเสริมความงาม เพื่อคอยดูแลและพอกหน้าให้กับคุณซึ่งการพอกหน้าแต่ละครั้งกับสถานเสริมความงามมักทำให้คุณต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายในการพอกหน้าแต่ละครั้งเป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลยทีเดียว บางคนถึงกับต้องเปลี่ยนจากการเข้าสถานเสริมความงามมาเป็นการหาซื้อผลิตภัณฑ์สำหรับพอกหน้า มาใช้พอกหน้าเอง ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวก็ค่อนข้างมีราคาสูงทีเดียว โดยเฉพาะยี่ห้อดีๆ แต่ถ้าอยากสวยคุณก็คงต้องยอมจ่ายเงินเพื่อแลกกับความงาม แล้วจะดีสักแค่ไหนหากคุณสามารถลงมือพอกหน้าด้วยตัวเอง เพียงแค่ใช้วัตถุดิบเพียงแค่ไม่กี่อย่างก็ทำให้คุณสวยได้เหมือนกับการเข้าสปาเสริมความงาม
สูตรในการพอกหน้าที่นำมาฝากกันนี้เป็นสูตรที่ทำง่าย เพียงแค่บดกลีบกุหลาบจะสีแดงหรือสีชมพูก็ได้ให้ละเอียด แล้วนำมาพอกไว้ให้ทั่วบริเวณใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นการพอกหน้าแล้ว
เป็นไงบ้างคะสำหรับสูตรการพอกหน้าที่คุณก็สามารถทำได้เองง่ายๆ แถมยังมีราคาไม่แพงอีกด้วยใช่ไหมล่ะคะ

วิตามินซีเพื่อผิวสวย

วิตามินซีเพื่อผิวสวย
ร่างกายของมนุษย์นั้นไม่สามารถสังเคราะห์วิตามินซีได้เอง เราสามารถได้รับวิตามินซีด้วยการรับประทานอาหารมากมาย ซึ่งอาหารเหล่านั้น นอกจากจะมีประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว ยังมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและผิวพรรณของเราอีกด้วย
วิตามินซีมีประโยชน์ต่อผิวหนังคือ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ และช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้าได้ดี ป้องกันผิวจากแสงแดด ช่วยสังเคราะห์คอลลาเจน อีกทั้งวิตามินซียังมีคุณสมบัติในการรักษาแผลให้หายเร็วยิ่งขึ้น โดยเฉพาะแผลที่เกิดจากสิวที่มักทิ้งริ้วรอยไว้บนใบหน้าให้สามารถหายได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันวิตามินซีนิยมผสมลงในเครื่องสำอางหรือครีมบำรุงผิวหลายชนิด เพื่อทำหน้าที่ในการต้านสารอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวขาวเนียนยิ่งขึ้น และช่วยเติมเต็มคอลลาเจนที่เสื่อมสลายไปให้กับผิวของคุณอีกด้วย จึงไม่น่าแปลกใจนักว่าทำไมเราจึงจำเป็นที่จะต้องกินผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เพราะนอกจากจะมีประโยชน์และช่วยดูแลผิวพรรณแล้ว วิตามินซียังช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกายของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงเป็นสาเหตุทำให้เราไม่ป่วยง่ายนั่นเอง
ใครอยากมีร่างกายที่แข็งแรงไปพร้อมๆกับผิวสวยเนียนใสล่ะก็ อย่าลืมรับประทานผักและผลไม้สดที่มีวิตามินซีสูงนะคะ เพราะมันไม่ได้ดีสำหรับร่างกายและผิวพรรณของเราเท่านั้น แต่มันยังช่วยกระตุ้นให้ระบบขับถ่ายของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย สำหรับผักและผลไม้สดที่มีวิตามินสูงก็ได้แก่ ฝรั่ง ส้ม มะเขือเทศ มะขาม มะม่วง และผลไม้รสเปรี้ยวอีกมากมาย ล้วนแล้วแต่เป็นอาหารที่หารับประทานได้ง่ายแทบทั้งสิ้น

เมื่อมีคราบเครื่องสำอางบนใบหน้า


มีเครื่องสำอางบนใบหน้า
เมื่อผิวหน้าคุณต้องสัมผัสกับเครื่องสำอางมาตลอดทั้งวัน จงอย่าปล่อยให้คราบเครื่องสำอางตกค้างอยู่บนบริเวณใบหน้าข้ามวันข้ามคืน เพราะหากผิวหน้ายังคงมีคราบเครื่องสำอางตกค้างอยู่โดยไม่ได้เช็ดล้างทำความสะอาดออกอย่างถูกวิธีล่ะก็ อาจส่งผลทำให้เกิดสิวและรูขุมขนอุดตันได้ อีกทั้งการล้างหน้าเพียงอย่างเดียวอาจไม่ทำให้ผิวหน้าของคุณสะอาดได้อย่างหมดจด ดังนั้น จึงควรมีการเช็ดล้างทำความสะอาดคราบเครื่องสำอางออกก่อนทุกครั้ง เพื่อให้การล้างหน้าสามารถล้างทำความสะอาดได้ง่ายยิ่งขึ้น
เมื่อมีเครื่องคราบสำอางบนใบหน้าจะทำความสะอาดให้หมดจด จึงควรจะเริ่มที่การเช็ดเอาเครื่องสำอางออกก่อนเสมอ หรืออาจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เช็ดล้างทำความสะอาดพวกคลีนซิ่งออยล์ที่สามารถล้างทำความสะอาดคราบเครื่องสำอางได้ทันทีก็สามารถทำได้ จากนั้นจึงตามด้วยการล้างหน้าทำความสะอาดปกติ กรณีผิวรอบดวงตา ควรใช้สำลีชุบน้ำพอหมาดๆ แล้วหยดด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เพื่อเช็ดล้างทำความสะอาดบริเวณรอบดวงตา ระวังอย่าเช็ดถูไปมา เพราะอาจทำให้ตาช้ำจนเป็นรอยได้ เมื่อเช็ดทุกครั้งจะต้องเช็ดลงมาให้ถึงตรงขอบตา เพื่อเช็ดทำความสะอาดเอามาสคาร่าให้หลุดออกมาด้วย ในส่วนของการทำความสะอาดผิวริมฝีปากให้ใช้สำลีชุบน้ำยาเช็ดเครื่องสำอาง เช็ดล้างบริเวณร่องปาก มุมปาก  ไม่ควรถูไปในแนวขวาง เพราะจะทำให้ริมฝีปากแตกและมีรอยเหี่ยวย่น หลังจากเสร็จสิ้นการเช็ดหน้าแล้ว ก็สามารถล้างทำความสะอาดผิวหน้าได้ตามปกติ ด้วย       โฟมล้างหน้าหรือสบู่ที่เหมาะสำหรับทำความสะอาดผิวหน้าของเรา เท่านี้ปัญหาคราบเครื่องสำอางบนใบหน้าก็จะไม่ก่อให้เกิดสิวอุดตันและรูขุมขนกว้างได้แล้วล่ะคะ

การทำพาราฟินทรีตเมนต์กับใบหน้า

พาราฟินทรีตเมนต์
หลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูสักเท่าไหร่สำหรับพาราฟินทรีตเมนต์พาราฟินทรีตเมนต์คล้ายกับการทำสปาผิวทั่วไป แต่พาราฟินทรีตเมนต์จะช่วยบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก ฟื้นฟูสภาพผิวได้อย่างรวดเร็ว แม้จะทำเพียงแค่ครั้งเดียวก็สามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับผิวหน้า แต่การทำพาราฟินทรีตเมนต์มีราคาค่อนข้างแพง เฉลี่ยแล้วหมอหนึ่งก็ตกประมาณ 3 – 5  พันบาท  ด้วยเหตุนี้จึงมีคนคิดค้นและผลิตพาราฟินทรีตเมนต์ออกมาในรูปแบบต่างๆ เช่น แบบเนื้อครีม แบบสเปรย์ เป็นต้น เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน อีกทั้งมีราคาไม่แพงด้วย
การทำพาราฟินทรีตเมนต์กับใบหน้า จะทำให้ผิวหน้าของคุณสะอาดล้ำลึก ผิวบางเบาน่าสัมผัส คงความอ่อนเยาว์  การทำพาราฟินทรีตเมนต์สามารถทำได้โดยใช้ขี้ผึ้งพาราฟินอุ่นๆ พอกทับกับมอยส์เจอไรเซอร์ทรีตเมนต์ที่ทาทิ้งไว้ตั้งแต่ขั้นแรก ทาพาราฟินให้ทั่ว ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จึงลอกออก เพียงเท่านี้ก็จะสามารถดูแลผิวได้อย่างล้ำลึกแล้วล่ะคะ กรณีที่คุณใช้พาราฟินไม่หมดยังสามารถเก็บไว้ใช้ต่อได้ หากพาราฟินนั้นไม่ได้ปนเปื้อนกับสิ่งแปลกปลอม
นอกจากนี้ยังมีสปาหลายแห่งที่เปิดให้บริการทำพาราฟินทรีตเมนต์ แต่คงจะต้องเลือกสถานที่กันสักหน่อย เพราะไม่แน่ว่าคุณอาจจะได้พาราฟินทรีตเมนต์ที่เคยใช้มาแล้ว เพราะบางแห่งหากลูกค้าคนก่อนใช้ไม่หมดก็จะนำมาใช้กับลูกค้าคนใหม่อีก ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อโรคแทนการบำรุงที่ล้ำลึก อย่างไรก็ตาม ลองหาร้านดีๆที่เชื่อถือได้ เพื่อทำพาราฟินทรีตเมนต์ดูนะคะ เพื่อเป็นการดูแลผิวหน้าอย่างล้ำลึก

วิเคราะห์สภาพผิวด้วยตัวเอง

วิเคราะห์สภาพผิวด้วยตัวเอง
เพื่อให้การดูแลผิว สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องทราบว่าผิวของเรานั้น เป็นผิวชนิดใดและมีสภาพผิวเป็นอย่างไร เพื่อที่จะได้สามารถดูแลและแก้ไขได้อย่างตรงจุดที่สุด งั้นมาลองตรวจเช็คดูกันสักหน่อยสิว่าผิวของคุณนั้นมีสภาพผิวเป็นอย่างไร
เริ่มต้นการวิเคราะห์สภาพผิวโดยใช้สบู่ล้างทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาด ทิ้งไว้ประมาณ 4 ชั่วโมง จึงสังเกตความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับใบหน้าของคุณ
หากพบว่าผิวหน้าของคุณไม่มีความมัน สามารถมองเห็นรูขุมขนได้อย่างชัดเจน แสดงว่าผิวของคุณคือผิวธรรมดา
แต่ถ้าพบว่า ผิวหน้าของคุณรู้สึกแห้งตึง ลอกเป็นขุยๆในบางแห่ง และสังเกตเห็นรูขุมขนน้อยมาก แสดงว่าผิวของคุณเป็นผิวแห้ง
ถ้าพบว่าหลังจาก 4 ชั่วโมงผ่านไป ใบหน้าของคุณมีอาการมันเยิ้ม และมีขนาดรูขุมขนที่กว้างขึ้น แสดงว่าผิวหน้าของคุณนั้นเป็นผิวลักษณะมัน
แต่ถ้าพบว่ารู้สึกแห้งตึงบริเวณแก้ม และมันบริเวณช่วงทีโซน ก็แสดงว่าผิวของคุณเป็นผิวผสม ซึ่งเป็นผิวที่พบได้ในคนไทยส่วนใหญ่
เมื่อพบว่าผิวหน้ามีอาการคัน หลังจากที่ทำการล้างหน้าด้วยสบู่ แสดงว่าผิวของคุณเป็นผิวบอบบางแพ้ง่าย เพราะจะรู้สึกแสบๆ คันๆ บริเวณผิวหน้า
การวิเคราะห์ผิวหน้ามีความสำคัญ คือ ช่วยให้เราดูแลผิวของเราได้อย่างถูกต้อง ทั้งยังเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลผิวได้ง่าย อย่าลืมว่าผิวแต่ละประเภทต้องการการดูแลที่แตกต่าง ดังนั้น หากเราทราบว่าผิวของเรานั้นเป็นผิวลักษณะใด ก็ย่อมได้รับการดูแลที่ถูกต้องจากผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว