![]() |
การทำสมาธิ |
เราคิดว่าการหายใจเป็นกระบวนการที่ไม่ซับซ้อนยุ่งยาก เป็นเพียงแค่การที่เราหายใจเอาอากาศที่เต็มไปด้วยออกซิเจนเข้าไปในร่างกาย แล้วหายใจเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ออกมาเป็นวัฏจักรเช่นนี้หมุนเวียนกันไป แต่ทราบหรือไม่ว่าการหายใจนั้นเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญที่จะส่งผลต่อการทำงานของร่างกายแตกต่างกันออกไปตามลักษณะการหายใจ ผู้คนสมัยนี้มักจะไม่เคยสังเกตลักษณะการหายใจของตนเองซึ่งเป็นวิธีการหายใจที่ผิดวิธี จนกลายเป็นนิสัยความเคยชิน การหายที่ถูกวิธีจะส่งผลให้ร่างกายมีชีวิตชีวา กระปรี้กระเปร่า รู้สึกเหมือนมีพลังในการทำงานมากขึ้น และยังส่งผลต่ออารมณ์ความรู้สึกของเรา
การหายใจอย่างถูกวิธีจะช่วยทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย เป็นกระบวนการที่ช่วยลดความตึงเครียดอย่างได้ผล ทำให้กลายเป็นคนที่มีความร่มเย็นในใจ มีสมาธิในการทำงาน ทำให้เราสามารถที่จะจดจ่อกับการงานต่างๆได้โดยไม่วอกแหวก เมื่อเราหายใจได้อย่างถูกวิธีเราจะรู้สึกได้ถึงความสดชื่นในช่วงตื่นนอน เป็นภูมิคุ้มกันในการป้องกันโรคหวัด และเชื้อโรคต่างๆที่จะเข้ามาสู่ร่างกายของเรา
วิธีการหายใจอย่างถูกต้องนั้นลักษณะของซี่โครงและช่องท้องจะต้องโป่งขึ้น กระบังลมลดต่ำลง เพื่อให้อากาศได้เข้าสู่ปอดได้อย่างเต็มที่ เป็นวิธีการที่ช่วยให้ปอดได้ขยายตัวเพื่อรับอากาศได้อย่างสมบูรณ์ ช่วยให้ปอดของเราสามารถที่จะกำจัดคาร์บอนไดออกไซต์ออกจากร่างกายได้มากขึ้น หากเราสังเกตให้ดีแล้วเราจะพบว่าทุกวันนี้เราจะหายใจเข้าโดยที่หน้าท้องไม่พองออกมากนัก หรือพองได้ไม่เต็มที่ เมื่อหายใจออกเราเพียงรู้สึกได้ถึงกระบังลมที่หย่อนตัวลง ทำให้คาร์บอนไดออกไซต์ในร่างกายของเราได้รับการกำจัดออกไปไม่หมด ส่งผลให้เรารู้สึกไม่สดชื่นในระหว่างวัน สมองตื้อ ไม่มีสมาธิ และรู้สึกง่วงเหงาหาวนอนได้
ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่เรารู้สึกว่าร่างกายของเรากำลังจะหมดแรง ลองกลับไปสังเกตการณ์หายใจของเราว่าถูกต้องหรือไม่ หากไม่ถูกต้องเราก็ต้องพยายามปรับวิธีการหายใจเสียใหม่ โดยในช่วงแรกอาจจะรู้สึกไม่คุ้นชินมากนัก แต่พอทำไปได้สักระยะหนึ่ง จะทำให้ร่างกายสามารถปรับตัวและหายใจได้อย่างถูกต้องด้วยตัวเองในที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น