ป้องกันการช็อค และ หัวใจวายเฉียบพลันด้วยการเสริมโปแตสเซียม

การเสริมโปแตสเซียมป้องกันการช็อค และ หัวใจวายเฉียบพลัน
คุณรู้ไหมว่าโปแตสเซียมนั้นมีความสำคัญต่อร่างกายของคุณเป็นอย่างมากร่างกายของคุณจะขาดโปแตสเซียมไม่ได้อย่างเด็ดขาดเพราะจะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจนั้นไม่มีเลือดไปหล่อเลี้ยงนั่นเองดังนั้นคุณห้ามประมาทอย่างเด็ดขาดเพราะโรคต่างๆ นั้นจะมาโดยที่คุณตั้งตัวไม่ทันดังนั้นคุณควรให้ร่างกายได้รับธาตุโปแตสเซียมมากๆ ซึ่งจะมีอยู่มากในผัก และ ผลไม้ นั่นเอง และ ในอาหารบางชนิดอาจจะไปทำลายโปแตสเซียมภายในร่างกายซึ่งมีดังต่อไปนี้ เหล้า เบียร์ ของดอง ข้าวเหนียว  และ ถั่วทุกชนิดยกเว้นเพียงถั่วแดงเท่านั้นที่ไม่ทำลายโปแตสเซียมภายในร่างกายของคุณและสิ่งที่มีผลทำให้ร่างกายของเรานั้นอาจจะช็อคและหัวใจวายได้ก็คืออากาศร้อนๆ นี่แหละค่ะที่เป็นสาเหตุหลักๆ ในการทำลายโปแตสเซียมของคุณเช่นกันเพราะจะทำให้ร่างกายของเรานั้นเกิดอาการขาดธาตุความร้อนอย่างเฉียบพลันจนเกิดอาการช็อค และ หัวใจวายได้ในทันทีส่วนสัญญาณเตือนที่บอกให้คุณรู้ได้ก่อนคือเหงื่อจะออกตามมือหรือร่างกายของคุณมากผิดปกติหัวใจเต้นแรงเกินไปเกิดอาการร้อนวูบวาบขึ้นมาทั่วทั้งร่างกายโดยในปัจจุบันนี้คุณจะเห็นได้ว่ามีผู้ที่เกิดอาการช็อคจนทำให้หัวใจวายเนื่องจากสภาพอากาศร้อนเป็นปัจจัยนั่นเอง ดังนั้นคุณควรที่จะบำรุงร่างกายของคุณเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ ดังนี้
วิธีง่ายๆ ในการเสริมโปแตสเซียมให้กับร่างกาย
1.ทานผักใบเขียวอยู่เสมอ เนื่องจากผักใบเขียวนั้นมีวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเขาเป้นอย่างมากและที่สำคัญคือผักที่มีรสชาติขมยิ่งให้โปแตสเซียมที่สูงแก่ร่างกายค่ะ
2.รับประทานผลไม้ เช่น กล้วย สับปะรด แตงโม ส้ม ขนุน ผลไม้เหล่านี้รวมให้โปแตสเซียมแก่คุณทั้งสิ้นควรรับประทานเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอหลังทานอาหารเสร็จจะช่วยเพิ่มโปแตสเซียมให้แก่ร่างกายของคุณเองแต่ในส่วนของการรับประทานผลไม้นี้คนล่ะอย่างกันกับดื่มน้ำผลไม้ที่มีขายอยู่ทั่วไปนะค่ะเพราะน้ำผลไม้กล่องสมัยนี้ค่อนข้างที่จะผสมเยอะจึงไม่ค่อยช่วยอะไรเท่าไหร่แนะนำให้ทานเฉพาะผลไม้ที่สดใหม่ดีกว่าค่ะ
3.นำผลไม้สดมาปั่นใส่น้ำแข็งดื่มในช่วงที่มีอากาศร้อนจัดเพราะในช่วงนั้นร่างกายของคุณอาจจะช็อคได้ดังนั้นควรดื่มพวกของเย็นๆ เพื่อให้พลังงานและความสดชื่นแก่ร่างกายของคุณด้วย
นี่เป็นวิธีเบื้อต้นในการดูแลตัวเองเท่านั้นนะค่ะถ้าคุณมีอาการหนักหรือเกิดหน้ามืดเหงื่อท่วมตัวบ่อยๆ ห้ามนิ่งนอนใจเป็นอันขาดให้ไปให้หมอเช็คร่างกายโดยด่วนก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้คุณอาจจะช็อค และ หัวใจวายได้ในทันที

ผลไม้ต้านความแก่ชรา

ผลไม้ต้านแก่
ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
ไม่ว่าจะเป็น  สตรอเบอร์รี่  เชอร์รี่  บูลเบอร์รี่  และราสเบอรรี่  ล้วนอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระเช่นกัน  และมีวิตามิน  ซี  สูง  มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเกิดเซลล์มะเร็ง  ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและดีต่อการทำงานของระบบเลือด  หัวใจ  และทางเดินอาหาร  นอกจากนี้วิตามิน  ซี  ยังมีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิวคือ  สร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทนที่เซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพ  ทำให้ผิวพรรณแลดูสุขภาพดีคงความสวยสดใส
องุ่น
มากไปด้วยกับสารต้านอนุมูลอิสระ  มีคุณสมบัติกำจัดสารพาในร่างกาย  และมีส่วนช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญ  และสร้างเม็ดเลือด  อีกทั้งยังมีคุณสมบัติดีเยี่ยมในการฟื้นฟูผิว  ช่วยสร้างเซลล์ผิวให้แข็งแรงลดอาการบวมน้ำของผิว  ช่วยชะลอความเสื่อมสภาพของผิว  และยับยั้งการเกิดริ้วรอยแห่งวัย
กีวี
ผลการวิจัยบอกว่า  กีวีเป็นผลไม้ที่มีวิตามิน  ซี  สูงกว่าส้มเสียอีกแถมยังมีวิตามิน  อี  ด้วย  และแน่นอนวิตามินทั้งสองชนิดนี้มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ส่งผลดีต่อสุขภาพของผิวคือ  จะช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนให้กับผิว  ทำให้ผิวเนียนเรียบ  สดใส  เปล่งปลั่ง  และยังช่วยความชะลอความเสื่อมสภาพให้กับเซลล์ผิว  ทำให้ริ้วรอยแห่งวัยค่อย  ๆ  มาอย่างช้า  ๆ
ส้ม
ในผลส้มถือเป็นแหล่งตักตวงวิตามิน  ซี  และเบต้าแคโรทีนชั้นดีซึ่งสารอาหารที่ว่านี้  มีคุณสมบัติช่วยสร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย  ช่วยล้างพิษ  ช่วยลดคอเลสเตอรอล  และช่วยดูแลสุขภาพผิว  เช่น  ขจัดความหมองคล้ำ  และความแห้งกร้าน  อีกทั้งยังช่วยฟื้นฟูสภาพผิว  ทำให้ผิวพรรณสดชื่น  กระปรี้กระเปร่า  และคงความอ่อนเยาว์ไว้

ขจัดปัญหาขอบตาดำให้จางไป

ขจัดปัญหาขอบตาดำให้จางไป
เมื่อร่างกายมีออกซิเจนที่เพียงพอ และไม่มีกรดเกินเกิดขึ้นในร่างกายจะทำให้ปัญหาขอบตาดำคล้ำเกิดขึ้นได้ค่อนข้างยาก การทำให้ร่างกายอยู่ในภาวะที่สมดุล ด้วยการนอนหลับและพักผ่อนอย่างเพียงพอก็จะสามารถช่วยลดปัญหาการเกิดขอบตาดำคล้ำได้ ประกอบกับการรับประทานพืชผักใบเขียวสดๆ และผลไม้สด ๆ เช่น ส้ม ฝรั่ง สับปะรด อย่างสม่ำเสมอยังช่วยทำให้ปัญหาชอบตาดำลดลงอีกด้วย
วิธีแก้ไขปัญหาขอบตาไม่ให้คล้ำทำได้ เพียงใช้แตงกวาฝานเป็นแผ่นบางๆ วางแปะเอาไว้บริเวณรอบดวงตา หรือหาไม่ได้อาจเปลี่ยนจากแตงกว่ามาเป็นถุงชาที่ผ่านการชงแล้ว แช่ให้เย็นจัด จึงนำมาประคบที่บริเวณรอบดวงตา จนหมดความเย็น จึงเอาออกสำหรับอีกวิธีหนึ่งก็คือ ผสมเกลือหนึ่งช้อนชาเข้ากับน้ำร้อนครึ่งถ้วย ใช้สำลีหรือผ้าขนหนูชุบแล้วนำมาปิดไว้ที่ตา ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แต่เมื่อลองทำทั้งสองวิธีที่แนะนำแล้วไม่หาย ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนของคุณ โดยนอนไม่ดึกและพักผ่อนอย่างเพียงพอ นอกจากนี้ ควรมีการออกกำลังกายร่วมด้วย และหมั่นบำรุงด้วยอายครีมชนิดที่มีส่วนผสมของไวน์เทนนิ่งใช้ทาบริเวณรอบดวงตาเป็นประจำทุกวันก่อนนอน แต่พบว่ายังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นล่ะก็ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อเข้ารับการรักษาที่ถูกต้อง เพราะการที่มีขอบตาดำคล้ำอาจจะมาจากสาเหตุอื่นๆก็ได้ เช่น โรคประจำตัวบางชนิด หรือการแพ้ยาบางตัวที่รับประทานอยู่
หากใครที่มีปัญหาขอบตาดำธรรมดาๆ ล่ะก็ ลองเอาวิธีที่นำมาฝากกันไปทำดูนะคะ

ควรเบามือ ณ รอบดวงตา

ควรเบามือ ณ รอบดวงตา
ผิวหนังบริเวณรอบดวงตา เป็นผิวหนังที่บอบบางมากที่สุด ไม่ว่าจะทำอะไรกับผิวบริเวณรอบดวงตา ก็ควรจะต้องเพิ่มความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เพราะหากผิวหนังบริเวณรอบดวงตาได้รับการกระทบกระเทือนก็อาจส่งผลทำให้เกิดเป็นริ้วรอยได้ดังนั้น หากจะทาครีมบำรุงผิวรอบดวงตา จึงควรทำด้วยความระมัดระวัง และทาอย่างเบามือที่สุด ไม่เช่นนั้น อาจทำให้เกิดริ้วรอยที่ไม่พึงประสงค์ขึ้นบริเวณรอบดวงตาได้ ถึงตอนนี้ แม้อายครีมจะมีประสิทธิภาพมากแค่ไหนก็คงไม่อาจช่วยยับยั้งริ้วรอยที่เกิดขึ้นได้
สำหรับวิธีการทาอายครีมหรือครีมบำรุงผิวรอบดวงตามที่ถูกต้อง ควรใช้นิ้วแตะเนื้อครีมเพียงแค่ประมาณเท่าเม็ดถั่ว และค่อยๆ แตะลงบนผิวบริเวณรอบดวงตา จากนั้นจึงใช้นิ้วนวดวนตามแนวของกระดูกคิ้วบนเปลือกตา โดยลักษณะการนวดที่ถูกต้องจะนวดเป็นวงกลมเล็กๆ ไปในทิศทางเดียวกัน และค่อยๆใช้นิ้วแตะเบาๆ ที่บริเวณเปลือกตา เพื่อกระตุ้นให้ครีมซึมซาบเข้าสู่ผิวรอบดวงตาได้เร็วยิ่งขึ้น
ข้อควรระวังในการทาครีมบริเวณรอบดวงตา คือ ต้องทำอย่างเบามือที่สุด โดยใช้นิ้วนางเพียงอย่างเดียวในการทา เพราะนิ้วนางเป็นนิ้วที่มีน้ำหนักเบาที่สุด การทาครีมรอบดวงตาทุกครั้งจะต้องเริ่มทาตั้งแต่หัวตาหรือหางตาก่อน จากนั้นจึงค่อยทาวนไปรอบๆดวงตาในลักษณะเป็นวงกลม หรืออาจวนไปในแนวที่คุณเองถนัดก็ได้ แต่จะต้องนวดวนไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ควรนวดย้อนไปย้อนมา เพราะอาจส่งผลทำให้ผิวรอบดวงตาช้ำและเป็นรอยได้ง่าย

ผลไม้สำหรับบำรุงร่างกาย

ผลไม้สำหรับบำรุงร่างกาย
มะละกอ
สารสีส้มในเนื้อมะละกอคือ  เบต้าแคโรทีน  มีคุณสมบัติช่วยกำจัดอนุมูลอิสระถือเป็นผลดีกับผิวคือ  ช่วยรัษาความสมดุลของผิวไว้ทำให้ผิวสุขภาพดี  สวยสดใส  ไม่แห้งกร้าน  นอกจากนี้ในมะละกอมีเอนไซม์ตัวหนึ่งชื่อว่า  Papain  ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษเหมือนกับน้ำย่อยที่อยู่ในกระเพาะอาหารของเราคือ  ช่วยย่อยอาหาร  และยังช่วยทำความสะอาดลำไส้ด้วย
เสาวรส
ผลไม้รสเปรี้ยวจี๊ดสะกิดใจที่มีวิตามิน  ซี  สูง  รวมทั้งมีเบต้าแคทีน  และวิตามิน  บี3  มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยล้างสารพิษในเลือด  ช่วยสร้างเซลล์ผิวให้แข็งแรง  ทำให้ผิวคงความกระชับนุ่มนวล  กระจ่างใส  ถือว่าเป็นการชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย
กล้วย
กล้วยเป็นผลไม้ที่มีให้กินกันทั้งปีแถมยังราคาถูก  ถือว่าเป็นสุดยอดผลไม้เชียวแหละ  ในผลกล้วยมีโพแทสเซียมสูง  ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย  และช่วยควบคุมการทำงานของระบบประสาท  และมีเบต้าแคโรทีน ปริมาณสูงเช่นกัน  โดยมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ  ช่วยชะลอความเสื่อมสภาพของเซลล์  ถ้าหากกินกล้วยอยู่เป็นประจำจะส่งผลดีต่อระบบขับถ่าย  สำหรับผิวพรรณการกินกล้วยจะช่วยทำให้ผิวดีขึ้น  มีความกระชับ  เนียนเรียบ  และยังช่วยยับยั้งการเกิดริ้วรอยแห่งวัยอีกด้วย
ฝรั่ง
ผลการวิจัยบอกว่า  ฝรั่งมีวิตามิน  ซี  สูงมากกว่าส้มเสียอีก  และโชคดีจังที่ฝรั่งเป็นผลไม้ประเภทหาซื้อง่าย  ราคาถูก  แถมยังให้วิตามินอื่น  ๆ  อีกสารพัด  ซึ่งคุณสมบัติที่ดีของวิตามิน  ซี  คือ  เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ  ที่จะช่วยสร้าง  และคอยปกป้องคอลลาเจน  และอีลาสตีนไม่ให้ถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ  สำหรับคนที่ต้องการคงความอ่อนเยาว์ไว้เนิ่นนาน  กินฝรั่งเป็นประจำจะช่วยได้นะคะ
อโวคาโด
อโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีรสชาติแบบจืด  ๆ  มัน  ๆ  ทำให้บางคนอาจไม่ค่อยถูกใจนัก  แต่รู้ไม้ยว่าคุณประโยชน์ของมันค่อนข้างดีมาก  ๆ  เพราะอุดมไปด้วยวิตามิน  อี  วิตามิน  ซี  และวิตามิน  เอ  ไม่เพียงเท่านี้ยังมีสารกลูตาไธโอนป็นส่วนประกอบด้วย  ซึ่งสารอาหารตัวสำคัญทั้งหมดนี้  จะช่วยชะลอความแก่ได้อย่างแน่นอน

วิธีฟอกเลือดด้วยตนเองรักษาสารพัดโรค

       
วิธีฟอกเลือดด้วยตนเองรักษาสารพัดโรค

        เลือดแม้จะไม่ใช่อวัยวะแต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเราที่สำคัญเป็นอย่างมากและขาดไม่ได้ดังนั้นคุณห่วงที่จะใส่ใจทั้งเรื่องการกินอย่าพยายามกินของมัน หรือ อาหารที่มีน้ำตาลมากจนเกินไปเพราะจะไปอุดตันเส้นเลือดของคุณได้นั่นเองใครที่ชอบกินของมันๆ หรือ ของหวานคุณควรจะทราบว่ามันอาจจะนำคุณไปสู่โรคร้ายต่างๆ ได้สารพัดไม่ว่าจะเป็น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคนิ่วความดัน โรคเส้นเลือดอุดตัน เป็นต้น
ดังนั้นคุณควรที่จะเริ่มดูแลสุขภาพและร่างกายของคุรเองอย่างดีตั้งแต่วันนี้โดยเริ่มจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ก่อนรับประทานผักมากกว่าเนื้อเนื่องจากเนื้อนั้นให้พลังงานที่สูงจนเกิดการย่อยยากอาจจะส่งผลต่อระบบต่างๆ ในร่างกายของเราทำให้ร่างกายของเราทำงานหนักได้ถ้าคุณรับประทานเนื้อเป็นจำนวนมากและเรื่องต่อไปที่คุณไม่ควรจะลืมก็คือการดื่มน้ำเปล่าให้ได้เช้าล่ะ 2-3 แก้วเพื่อร่างสิ่งสกปรกออกจากร่างกายของเราดื่มน้ำธรรมดาอย่าดื่มน้ำเย็นจะโอเคกว่าเยอะเลยค่ะหลังจากนั้นอยากแนะนำให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อสุขภาพร่างกายของคุณเองด้วยนะค่ะ
วิธีฟอกเลือดด้วยตนเอง มีดังนี้
1.ทำน้ำมะขามเปียกผสม เกลือ ข่า แล้วหลังจากนั้นนำมาใส่ในน้ำอุ่นๆ แล้วจึงคนให้เข้ากันไม่ต้องใส่เยอะจนเข้มเกินไปนะค่ะเพราะอาจจะทำให้ดื่มไม่ลงค่ะทำดื่มในช่วงเช้าอาทิตย์ล่ะ 2 ครั้งช่วยได้เยอะเลยล่ะค่ะหรือถ้าคุณขี้เกียจทำบ่อยๆ ก็ทำใส่ขวดแช่เย็นเอาไว้ก็ได้แต่เก็บรักษาในตู้เย็นไม่นานก็เสียเพราะฉะนั้นอย่าทำทีล่ะเยอะๆ นะค่ะ
2.น้ำมะขามเปียก ผสม ข่า และ มะม่วงกวน นำมาปั่นรวมกันหรือผสมรวมกันคัดเอาเฉพาะน้ำมาผสมในน้ำอุ่นก่อนจะนำมารับประทานรสชาติอร่อยเข้มข้นมากเลยทีเดียวสำหรับสูตรนี้ทำดื่มเป็นประจำในปริมาณที่พอเหมาะ 1 แก้ว ดื่มให้หมดในช่วงเช้าสามารถช่วยในเรื่องการฟอกโลกได้เป็นอย่างดีลองทำดื่มกันดูค่ะ
3.ดื่มน้ำคลอโรฟิลล์ ใครที่ขี้เกียจทำก็สามารถที่จะหาซื้อคลอโรฟิลล์แบบผงมาชงดื่มกับน้ำเป็นประจำทุกวันในช่วงเช้าได้นอกจากคลอโรฟิลล์นั้นจะช่วยฟอกเลือดได้เป็นอย่างดีแล้วยังสามารถล้างของเสียออกจากลำไส้ของเราได้ด้วย
วันนี้เรามีวิธีฟอกเลือกมาฝากคุณถึง 3 วิธี ด้วยกันดังนั้นเลือกเอานะค่ะว่าจะใช้วิธีไหนฟอกเลือดดีถึงคุณยังไม่ป่วยเป็นโรคอะไรในตอนนี้ก็ควรจะทำเอาไว้เพื่อสุขภาพและร่างกายที่แข็งแรงของคุณเองในอนาคตด้วยอย่าประมาทเด็ดขาดเพราะการเจ็บป่วยนั้นมาได้ทุกเมื่อโดยที่คุณยังไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ

อายเจลแบบโฮมเมด

อายเจลแบบโฮมเมด
อายเจลแบบโฮมเมด
ใช่ว่าผิวหน้าและผิวกายเท่านั้นที่ต้องการการดูแล แต่สำหรับผิวบริเวณรอบดวงตาก็ย่อมต้องการการดูแลไม่แตกต่างไปจากผิวบริเวณส่วนอื่นๆ การดูแลผิวบริเวณรอบดวงตาด้วยอายครีมที่มีจำหน่ายทั่วไปตามท้องตลาด ก็สามารถดูแลผิวบริเวณรอบดวงตาได้ง่ายๆ แต่ผลิตภัณฑ์อายครีมที่มีวางวางจำหน่ายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาดนั้น มีราคาค่อนข้างแพง โดยเฉพาะกับยี่ห้อดีๆนั้น ยิ่งที่ราคาค่อนข้างแพงขึ้นไปอีก เป็นอย่างนี้แล้ว หากเราสามารถทำอายครีมไว้ใช้ได้เองนอกจากจะช่วยบำรุงผิวรอบดวงตาได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าของคุณอีกด้วย
คุณสามารถทำอายครีมบำรุงผิวรอบดวงตาได้ เพียงนำชาเขียวชนิดใช้ชงดื่มกับน้ำร้อนมาต้มกับน้ำเดือด จากนั้นยกลงจากเตา ปล่อยทิ้งไว้ให้เย็นจึงนำเข้าแช่ในตู้เย็น เมื่อถึงเวลาใช้ก็เพียงแค่ใช้สำลีชุบน้ำชาเขียวที่เย็นจัดๆ มาประคบไว้ที่บริเวณเปลือกตาทั้งสองข้าง ทำเช่นนี้เป็นประจำทุกวัน วันละประมาณ 10-20 นาที ก็จะช่วยทำให้ผิวบริเวณรอบดวงตาของคุณแลดูสดใสไม่มองคล้ำแล้วล่ะ
การทำอายครีมโฮมเมดแบบนี้ นอกจากจะมีราคาที่ถูกกว่าอายครีมที่มีวางจำหน่ายอยู่ทั่วไปแล้ว ยังสามารถทำเก็บไว้ใช้ในคราวต่อไปได้อีกด้วย ทุกครั้งที่นำน้ำชาเขียวมาเช็ดที่บริเวณรอบดวงตาจะพบว่าดวงตาที่เคยเมื่อยล้า หมองคล้ำ ก็จะดูสดชื้นขึ้น ช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้าของดวงตาที่มีการใช้งานมาแล้วตลอดทั้งวัน
ใครที่อยากลองนำวิธีการทำอายครีมดังกล่าวไปลองใช้ดู ก็สามารถทำได้นะคะ

ไม่อยากมีขอบตาคล้ำ


ขอบตา
ปัญหาขอบตาดำเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ นอกจากการนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ การมีโรคประจำตัวบางชนิดยังมีส่วนทำให้ขอบตาคล้ำได้อีกด้วย แม้แต่อาหารที่รับประทานก็ยังมีส่วนทำให้ขอบตาของเราคล้ำได้ โดยเฉพาะอาหารที่เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วไปเพิ่มปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดให้สูงขึ้น และลดค่าออกซิเจนให้ต่ำลง ซึ่งมีผลทำให้เลือดมีความคล้ำนั่นเอง จึงปรากฏให้เห็นอาการขอบตาคล้ำ สำหรับอาหารที่มีผลทำให้ร่างกายมีปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์มากขึ้นได้แก่ อาหารจำพวกแป้ง เนื้อสัตว์บางประเภท ถั่ว และไข่ ล้วนแล้วแต่มีส่วนช่วยเพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์ให้กับร่างกาย และลดปริมาณออกซิเจนให้ดูต่ำลง เมื่อเกิดปัญหาขอบตาหมองคล้ำ จะแก้ไขอาการเหล่านี้ให้หายไปได้อย่างไร
สิ่งสำคัญคือ ต้องหาสาเหตุของการเกิดขอบตาดำก่อนว่าเกิดมาจากสาเหตุอะไร เช่น หากพบว่านอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็ให้เปลี่ยนพฤติกรรมการนอนเสียใหม่ เพื่อลดการเกิดการคล้ำของขอบตา แต่หากพบว่าอาการขอบตาคล้ำไม่ได้เกิดจากการนอนไม่พอ ก็ลองลดอาหารจำพวกแป้ง และเนื้อสัตว์ลง และสังเกตดูว่าขอบตาคล้ำลดลงหรือ หากอาการยังไม่ดีขึ้น ให้พบแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดขอบตาคล้ำ เพราะการเกิดขอบตาคล้ำบางสาเหตุอาจเกิดมาจากโรคประจำตัวบางชนิด หรือเกิดจากการใช้ยาบางชนิดที่ส่งผลให้เกิดขอบตาดำคล้ำ
อย่างไรก็ตาม หากขอบตาดำเป็นไม่มาก อาจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ เพื่อดุแลและปกป้องขอบตาของคุณไม่ให้หมองคล้ำได้ ผลิตภัณฑ์ที่ว่าก็ได้แก่ อายครีม ที่ช่วยในการดุแลผิวรอบดาวตาไม่ให้หมองคล้ำได้ง่าย

วิธีแก้ตาบวมหลังร้องให้

ร้องไห้จนตาบวม
แก้ตาบวมหลังร้องให้
ปัญหาตาบวมแดงเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะมีสาเหตุมาจากการร้องไห้ การนอนดึก หรือการนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ อาการตาบวมเหล่านี้สามารถทำให้หายไปได้ ด้วยวิธีง่ายๆ ที่นำมาฝากกัน ซึ่งทำได้ดังนี้
เมื่อพบว่าดวงตาคู่สวยของคุณบวมอันเนื่องมาจากสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ เพื่อเป็นการปกปิดและบรรเทาอาการตาบวมให้ลดลง สามารถทำได้โดยใช้ผ้าขนหนูหรือสำลี ชุบนมสดในตู้เย็น ประคบรอบดวงตา ทำเช่นนี้ประมาณ 10 นาที หรือจนกว่าจะหมดความเย็นลง จึงทำซ้ำอีกครั้ง เพียงเท่านี้อาการบวมแดงของตาคู่สวยก็จะค่อยๆบรรเทาลง ไม่ใช่เพียงนมสดเท่านั้นที่สามารถนำมาลดอาการบวมแดงของดวงตา แต่การนำแตงกวาแช่เย็นหั่นเป็นแว่นๆ มาวางบริเวณเปลือกตาก็สามารถช่วยลดอาการบวมแดงได้เช่นเดียวกัน อีกทั้งถึงชาที่เราใช้ชงรับประทานไปแล้ว อย่าพึ่งทิ้งนะคะ เพราะถุงชายังสามารถนำไปแช่เย็น เพื่อนำมาวางประคบรอบดวงตาลดอาการบวมได้ แต่ถ้าหากหาอะไรไม่ได้เลย แนะนำวิธีง่ายๆ เพียงแค่ นำผ้าชุบน้ำเย็นๆ มาประคบรอบดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ 10 – 20 นาที ดวงตาคู่สวยก็จะกลับมาสดใสอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังมีมะเขือเทศ และมันฝรั่งที่หากนำมาวางบริเวณรอบดวงตาก็สามารถลดการบวมแดงของดวงตาได้เช่นเดียวกัน
เทคนิคในการลดอาการบวมแดงของดวงตา คุณสามารถเลือกนำไปใช้ได้นะคะ เพราะไม่ใช่เพียงแค่ลดอาการบวมแดงของดวงตาได้เท่านั้น แต่มันยังทำให้ดวงตาคู่สวยของคุณรู้สึกสดชื่น และช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้าของดวงตาลงได้ ใครที่ต้องเผชิญกับปัญหานี้บ่อยๆ ก็อย่าลืมนำเคล็ดลับนี้ไปใช้กันดูนะคะ

สมุนไพรสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน

ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ
สมุนไพรสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน
ในปัจจุบันนี้มีคนไทยเป็นจำนวนมากเลยทีเดียวที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานโดยส่วนมากจะตรวจพบกับผู้ที่มีอายุเยอะโรคเบาหวานนั้นโดยทั่วไปอาจจะดูรุนแรงมากสำหรับผู้ที่กำลังเป็นโรคเบาหวานอยู่เนื่องจากผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานนั้นอาจจะตกอยู่ในสภาวะร่างกายเหนื่อยล้าทำงานหนักไม่ได้ซึ่งถ้าใครเป็นหัวหน้าครอบครัวอาจจะส่งผลเสียกับคุณอย่างหนักเพราะคุณอาจจะไม่สามารถทำงานได้ส่วนใครที่เป็นโรคเบาหวานสิ่งที่คุณควรที่จะต้องพึงระวังกันเอาไว้นั้นก็คือ การบาดเจ็บเพราะเวลาที่คุณบาดเจ็บจนเลือดออกแล้วไม่ยอมไปหาหมอทำความสะอาดบาดแผลให้ดีอาจจะทำให้บาดแผลนั้นเกิดการติดเชื้อจนอาจจะขึ้นขั้นต้องตัดอวัยวะทิ้งเลยทีเดียวดังนั้นคุณไม่ควรที่จะประมาทกับโรคเบาหวานเด็ดขาดเพราะมีความอันตรายร้ายแรงถึงชีวิตได้เลยทีเดียว แต่ในปัจจุบันนี้วิธีในการรักษาโรคเบาหวานก็มีหลากหลายวิธีเช่นเดียวกันซึ่งแพทย์จะมีวิธีในการรักษาที่แตกต่างกันออกไป เช่น ให้ดูแลเรื่องอาหาร ใช้ยาสมุนไพรรักษาโรคเบาหวานในปัจจุบันบ้านเราก็มียาสำหรับใช้ในการรักษาโรคเบาหวานแบบแผนยาโบราณถึง 30 ตำรับด้วยกันแต่ในส่วนนี้ก็ใช้ว่าจะรักษาโรคเบาหวานหายเสมอไปนะค่ะซึ่งในตำรับยานั้นจะใช้สมุนไพรพื้นบ้านมาสกัดเป็นยาทั้งสิ้นจึงไม่ส่งผลอันตรายใดๆ ต่อร่างกายของเราดังนั้นใครที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานอย่าเพิ่งท้อแท้หรือหมดกำลังใจไปนะค่ะเพราะในสมัยนี้มีวิธีใหม่ๆ ที่ช่วยคุณให้อาการดีขึ้น หรือ หายขาดจากโรคนี้ได้แล้วค่ะแต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานด้วยว่าจะดูแลรักษาตัวเองมากน้อยแค่ไหน โรคเบาหวานเป็นโรคที่พบมากในผู้ใหญ่มากกว่าเด็กปัจจุบันนี้มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาเนื่องจากป่วนเป็นโรคเบาหวานเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคอีสานมีผู้ป่วยเป็นโรคนี้เยอะมากที่เข้ามารักษาในโรงพยาบาลด้วยโรคเบาหวานดังนั้นในวันนี้เราก็มีวิธีดูแลตัวเองสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานด้วยตนเองมาฝากกันค่ะ
1.พยายามนอนตื่นให้เป็นเวลา เพราะว่าร่างกายของเรานั้นต้องการการพักผ่อนที่เพียงพอโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานที่มีอาการเหนื่อยได้ง่ายแต่ก้อย่าพักมากจนเกินไปจนทำให้ร่างกายโทรมนะค่ะ
2.หมั่นออกกำลังกาย มีส่วนช่วยได้มากในการต้านทานและสร้างภูมคุ้มกันไม่จำเป็นที่จะต้องออกกำลังอย่างหนักหรือแบบหักโหมออกกำลังกายให้กล้ามเนื้อของเรายืดตัวก็พอค่ะเพื่อให้ร่างกายของเรานั้นแข้งแรงและสร้างภูมิคุ้มกันมาต้นโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ที่อาจจะเข้ามาแทรกซ้อนในระหว่างที่เราป่วยเป็นโรคเบาหวานอยู่นั่นเอง

อย่าปล่อยให้ท้องผูก

อย่าปล่อยให้ท้องผูก
โดยธรรมชาติของร่างกาย  การขับถ่ายถือเป็นการขับไล่ของเสีย  และสารพิษออกจากร่างกาย  ถ้าร่างกายเรามีการขับถ่ายที่ดีก็ถือว่าสุขภาพร่างกายอยู่ในเกณฑ์ดี  ซึ่งในหัวข้อนี้จะขอพูดถึงแต่เรื่องการถ่ายหนัก  หรือถ่ายอุจจาระ  ถ้าการขับถ่ายมีปัญหา  เช่น  อุจจาระแข็ง  หรือไม่ได้ถ่ายมาหลายวัน  อาการที่ว่านี้  เรียกว่าท้องผูก  ถึงแม้ว่าอาการท้องผูกจะไม่ได้รุนแรงอะไรมากนัก  แต่ก็ส่งผลเสียต่อผิวพรรณและยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคริดสีดวงทวารด้วย
หลายคนอาจงง  อาการท้องผูกจะมาเกี่ยวข้องอะไรกับปัญหาผิวพรรณกันล่ะเนี่ย!  เพราะถ้าร่างกายเราไม่ได้ขับไล่ของเสีย  หรือเอาสารพิษออกไปให้พ้นจากร่างกาย  แน่นอนว่า  สิ่งต่าง  ๆ  เหล่านั้นที่ยังตกค้างอยู่ก็จะถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือดใหม่  ทำให้เกิดอนุมูลอิสระขึ้นในร่างกาย  ซึ่งก็รวมถึงเซลล์ผิวด้วย  ทีนี้ก็หายงงกันแล้วใช่มั๊ยคะ
หากไม่อยากต้องเจอกับอาการท้องผูก  ก็ต้องเหลียวมองตัวเองกันสักนิด  ว่ามีพฤติกรรมการกินที่ดีหรือไม่
ขอแนะนำการกินที่จะช่วยให้ห่างไกลจากอาการท้องผูกได้
ควรเลือกกินอาหารประเภทที่มีกากใยสูงอย่างผักและผลไม้ให้ได้ทุกวัน
ในแต่ละวันควรมีการจัดสัดส่วนอาหารที่ดี  คือ  กินผักให้มากกว่าเนื้อสัตว์หรืออาหารทุกมื้อควรมีผัก
การกินอาหารประเภทเนื้อสัตว์ควรกินแต่น้อย  และควรเลือกชนิดที่ย่อยง่ายและไขมันต่ำ อย่าง เช่น  เนื้อปลา
อาหารจำพวกแป้ง  อย่างข้าวและขนมปัง  ควรเลือกกินประเภทไม่ขัดสี  เช่น  ข้าวกล้อง  ข้าวซ้อมมือ  ขนมปังโฮลวีต  เพราะมีกากใยอาหารที่ช่วยในการทำงานของระบบขับถ่าย
จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องดื่มน้ำให้มาก  ๆ  อย่างน้อยก็วันละ  2  ลิตร  ต่อวัน
ควรหลีกเลี่ยงการดื่ม  ชา  กาแฟ  และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหลาย

วิธีชะลอรอยตีนกาอย่างง่ายๆ

ชะลอรอยตีนกาอย่างง่ายๆ
รอยตีนกาเป็นรอยที่บ่งบอกถึงวัยที่กำลังจะร่วงโรย อีกทั้งยังสามารถมาเยือนได้ตลอดเวลา การชะลอการเกิดตีนกาไม่ให้มาเยือนเร็วกว่าปกติ จึงดูแลผิวบริเวณรอบดวงตาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ และหลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆที่ทำให้เกิดรอยตีนกา เช่น แสงแดด และมลภาวะ เป็นต้น เพราะทุกครั้งที่ผิวต้องเผชิญกับแสงแดดจ้าระหว่างวันเป็นเวลานาน จะทำให้คอลลาเจนถูกแสงแดดทำลายในที่สุดก็เปิดเป็นรอยตีนกาขึ้นมานั่นเอง อีกทั้งการจ้องมองสิ่งใดสิ่งหนึ่งด้วยการเพ่ง หยีตา เป็นเวลานาน ก็มีผลทำให้เกิดรอยตีนกาก่อนวัยอันควรได้เช่นเดียวกัน การชะลอรอยตีนกา สามารถทำได้หลายวิธี แต่วิธีที่นิยมมากที่สุดคือ หารทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้คอลลาเจนถูกทำลาย เอาใจใส่ในการรับประทานอาหารที่มีสารแอนติออกซิเดน เช่น ชาเขียว วิตามินจากผักและผลไม้สด เพื่อช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนที่หายไปให้คงอยู่เสมอ ทั้งนี้ปัจจัยในเรื่องความเครียดยังส่งผลทำให้เกิดรอยตีนกาง่ายกว่าปกติด้วย เป็นไปได้ก็ควรพักผ่อน เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดลง
อีกหนึ่งวิธีที่นำมาแนะนำกันในวันนี้คือ การชะลอรอยตีนกาด้วยการใช้น้ำเย็นล้างหน้าอย่างสม่ำเสมอ วันละ 2-3 ครั้ง ริ้วรอยต่างๆที่ไม่พึงประสงค์ก็จะลดเลือนไปในไม่ช้า นอกจากนี้ ควรหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติในการช่วยลดเลือนริ้วรอยบริเวณรอบดวงตามาใช้ควบคู่กันด้วย เพื่อเป็นการชะลอและป้องกันริ้วรอยที่เกิดจากตีนกาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เป็นไงกันบ้างคะ เท่านี้รอยตีนกาก็ไม่อาจมาเยือนเราก่อนกำหนดได้แล้วล่ะคะ

สาเหตุของการเกิดโรคปากเหม็นและวิธีรักษากลิ่นปาก

วิธีแก้ปากเหม็นสาเหตุของการเกิดโรคปากเหม็นและวิธีรักษากลิ่นปาก
สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องโรคปากเหม็นเหม็นแม้กระทั้งกลิ่นลมหายใจของคุณทั้งๆ ที่คุณแปรงฟันปกติล่ะก็อาจจะมีสาเหตุ ดังนี้ ชอบรับประทานเนื้อสัตว์ ชอบกินอาหารที่มีกลิ่นแรง ไม่ค่อยชอบรับประทานผักชอบทานอาหารเย็นมากกว่าอาหารร้อนโดยไม่ยอมอุ่นอาหารให้ร้อนก่อนโดยส่วนมากผู้ที่มีกลิ่นลมหายใจที่เหม็นมักจะมาจากผู้ที่ชอบรับประทานเนื้อสัตว์โดยที่คุณไม่รู้เลยว่าการย่อยเนื้อสัตว์ในร่างกายของเรานั้นทำได้ค่อนข้างยากมากต้องใช้พลังงานในตัวของคุณมากซึ่งกินเวลาถึง 3-4 วันเลยทีเดียวบางครั้งคุณอาจจะคิดว่าการทานเนื้อสัตว์มากๆ ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี่เพราะเราก็ทานผัก และ ผลไม้ ตามหลังจากกินเนื้อสัตว์อยู่แล้วแต่จริงๆ ก็ช่วยได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นเองคุณควรที่จะรับประทานเนื้อสัตว์ให้น้อยลงและหันมารับประทานพวกผักใบเขียวให้มากขึ้นควบคู่กันไปเพื่อที่ระบบย่อยอาหารของเราจะไม่ทำงานหนักจนเกินไปจนเกิดการสะสมซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คุณนั้นมีกลิ่นปากแรงลมหายใจเหม็นนั่นเองและการสะสมของเนื้อสัตว์นั้นยังทำให้ อะดรีนาลีน ที่สะสมอยู่ในเนื้อสัตว์ทำให้หัวใจของเรานั้นเกิดการทำงานอย่างหนักเกิดความวะไม่สมดุลย์ทางร่างกายซึ่งอาจจะก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ขึ้นได้อีกด้วย
วิธีแก้ปัญหา กลิ่นปากเหม็น และกลิ่นเหม็นลมหายใจ
1.การดื่มน้ำในช่วงตื่นนอน 2-3 แก้ว เป้นการขับของเสียออกจากลำใส่ของคุณเองได้เป็นอย่างดี ส่วนใครที่ท้องผูกมีปัญหาในเรื่องของการขับถ่ายให้คุณดื่มน้ำมะพร้าวสะกัดเย็น 2 ช้อนโต๊ะจะช่วยให้คุนั้นสามารถถ่ายของเสียออกมาได้
2.คุณควรที่จะรับประทานอาหารเช้าให้ตรงเวลา คือ 7-9 โมงเช้า ไม่ควรที่จะเกินนี้เพราะเป็นช่วงเวลาที่ระบบของกระเพาะอาหารของคุณนั้นกำลังทำงานนั่นเอง
3.งดการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนผสมอยู่ เช่น กาแฟ แม้ว่ามันจะทำให้คุณนั้นมีกลิ่นลมหายใจที่แรงและติดค้างในลำไส้ได้ง่ายเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คุณมีกลิ่นลมหายใจแรง
4.ทานผักสม่ำเสมอ เพราะจะช่วยกวาดเศษอาหารที่ตกค้างอยู่ในลำไส้ออกได้จะได้ลดการสะสมในลำไส้
5.ลดการทานพวกขนมหวานๆ นมเปรี้ยว หรือ นม ต่างๆ ลงอย่าทาน หรือ ดื่มบ่อยจนเกินไป
ถ้าคุณทำตามที่เราบอกเบื้อต้นได้รับลองว่าสุขภาพลำไส้ของคุณจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอนส่วนใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับช่องปากแนะนำให้ไปให้หมอฟันตรวจดูช่องปากบ้างนะค่ะเพราะบางทีกลิ่นปากอาจจะเกิดจากการสะสมของหินปูนและแบคทีเรียก็ได้เช่นกัน